ดูแลตัวเองช่วงหน้าฝน เลี่ยงเจ็บป่วยง่าย
gclubJoz กรมอนามัยแนะดูแลตัวเองเพิ่มขึ้นหน้าฝน เสี่ยงป่วยง่าย ย้ำกินผักผลไม้รสเปรี้ยว เพิ่มวิตามินซี ออกกำลังกายเป็นประจำ สร้างภูมิต้านทาน
นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง ยิ่งช่วงหน้าฝน
ประชาชนควรหันมาใส่ใจสุขภาพของตนเองให้มากขึ้นเป็นพิเศษ โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเล็ก
และผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มักได้รับผลกระทบต่อสุขภาพได้ง่าย พ่อแม่ ผู้ปกครอง
และผู้สูงอายุจึงต้องมีความเข้าใจและรู้จักดูแลสุขภาพของตนเองและลูกหลานอย่างปลอดภัย
เพื่อให้ร่างกายสามารถปรับสภาพต่อการเปลี่ยนแปลงของอากาศ และป้องกันการเกิดโรคต่างๆ
ที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะโรคไข้หวัด
เพราะหากป่วยเป็นไข้หวัดและไม่มีการดูแลสุขภาพที่ดี
อาจส่งผลให้เป็นโรคหลอดลมอักเสบและโรคปอดบวมในที่สุด
ซึ่งจากข้อมูลเฝ้าระวังโรคจากทุกจังหวัดในประเทศไทย ของสำนักระบาดวิทยา
กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 29 พฤษภาคม 2559 พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ 49,720
ราย และตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 30 พฤษภาคม 2559 พบผู้ป่วยโรค ปอดบวม 87,605 ราย
นพ.วชิระ กล่าวว่า ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ร่างกายแข็งแรงต้านทานโรคได้คือกินอาหารที่ดีมีประโยชน์
โดยเลือกอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ปรุงด้วยสมุนไพรไทย เช่น
ขิง ข่า ตะไคร้ ใบกะเพรา กระชาย เป็นต้น เพราะเป็นอาหารที่มีความเผ็ดร้อน
เป็นการเพิ่มอุณหภูมิให้แก่ร่างกาย
อาหารแต่ละมื้อควรมีผักผลไม้ตามฤดูกาลที่ให้ผลผลิตในหน้าฝน เช่น มะเขือเปราะ มะนาว
ถั่วพู ชะอม ผักหวาน ใบขี้เหล็ก เห็ดโคน กล้วยน้ำว้า ส้มโอ มะเฟือง
และส้มเขียวหวาน เป็นต้น
เนื่องจากผักผลไม้ตามฤดูกาลจะมีราคาถูกและมีสารตกค้างจากยาฆ่าแมลงน้อยกว่าผลไม้นอกฤดูกาล
เพราะถูกรบกวนจากศัตรูน้อยกว่า โดยเฉพาะผักผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวตามธรรมชาติ
และผักใบเขียวซึ่งเป็นแหล่งของวิตามินซี จะช่วยลดโอกาสการเกิดโรคหวัด
เพิ่มภูมิต้านทานในร่างกาย นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งของวิตามินและแร่ธาตุชนิดอื่นๆ
และใยอาหารที่ร่างกายต้องการเพื่อให้ระบบต่างๆ ทำงานอย่างเป็นปกติ
แต่เวลาปรุงอาหารไม่ควรให้ความร้อนนานเกินไป เพราะจะทำให้วิตามินซีถูกทำลาย
หรือเลือกกินผักผลไม้สดแทน
"นอกจากนี้
ควรหมั่นออกกำลังกายโดยสามารถเลือกออกกำลังกายอย่างง่ายๆ อาทิ เดินเร็วๆ
วิ่งเหยาะๆ ขี่จักรยาน เล่นกีฬาที่มีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง รำมวยจีน หรือแม้กระทั่งการทำงานบ้าน เช่น กวาดบ้านถูบ้าน
ซึ่งการเริ่มต้นออกกำลังกายนั้น ควรเริ่มจากเบาๆ ระยะเวลาน้อยๆ ก่อน แล้วค่อยๆ
เพิ่มเวลาขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละสัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายปรับตัว
จากนั้นจึงเพิ่มความแรงหรือความหนัก
และการออกกำลังกายในแต่ละครั้งไม่จำเป็นต้องหนักหรือเหนื่อยมาก
โดยทำให้รู้สึกหายใจเร็วขึ้น ไม่ต้องถึงกับหอบ โดยทำเป็นประจำสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละ
3-5 วัน วันละ 30 นาที
ก็เพียงพอที่จะเกิดภูมิคุ้มกัน ซึ่งนอกจากจะช่วยให้สุขภาพดีในช่วงหน้าฝนแล้ว
ยังส่งผลต่อสุขภาพที่ดีในระยะยาวอีกด้วย” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น