เจ็บคอ สาเหตุ อาการ วิธีรักษาป้องกัน และการดูแลตัวเองเมื่อเกิดอาการเจ็บคอ
gclubJoz อาการเจ็บคอ เป็นอีกหนึ่งอาการที่นำมาซึ่งความทรมานไม่น้อยทีเดียว เพราะทำให้กลืนน้ำลายหรือกลืนอาหารแล้วรู้สึกเจ็บคอได้ตลอด ทำให้รู้สึกไม่สบายตัว และในบางครั้ง อาการเจ็บคอยังพ่วงมาพร้อมอาการไอ มีเสมหะและเป็นไข้ได้อีกด้วย วันนี้เราไปติดตามกันว่าอาการเจ็บคอเกิดขึ้นได้อย่างไร และมีวิธีรักษาป้องกันได้อย่างไรบ้าง
ทำความรู้จักกับอาการเจ็บคอ
เจ็บคอ (Sore Throat) คือ อาการที่เกิดการระคายเคืองบริเวณคอ
ซึ่งอาจก่อให้เกิดโรคอื่นๆ ตามมา และไม่เพียงเท่านั้นอาการเจ็บคอ
สามารถที่จะทำให้การใช้ชีวิตเป็นไปด้วยความลำบาก ทั้งนี้อาการเจ็บคออาจจะทำให้เกิดข้อจำกัดต่อการใช้ชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหาร หรือแม้แต่พฤติกรรมต่อการใช้ชีวิตด้วยเช่นเดียวกัน
สาเหตุของอาการเจ็บคอ
สาเหตุของอาการเจ็บคอ
มีสาเหตุหลักอยู่ 2 ประเภท
ซึ่งก็มีดังนี้
1. เกิดจากการติดเชื้อต่างๆ
การติดเชื้อจะทำให้เกิดอาการอักเสบหรือคอเจ็บขึ้นได้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการติดเชื้อทางเดินหายใจ และการติดเชื้อที่ทำให้เกิดอาการคอเจ็บนั้น ยังสามารถแบ่งเชื้อซึ่งเป็นตัวการของโรคได้อีกดังนี้
เชื้อรา อาการเจ็บคอสามารถเกิดขึ้นได้จากการติดเชื้อรา
แต่สามารถพบได้ในปริมาณที่น้อย เพราะส่วนใหญ่แล้วจะเกิดกับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ
เช่น ผู้ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง
เชื้อไวรัส ถือเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเจ็บคอได้มากที่สุด ซึ่งเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดอาการเจ็บคอได้นั้นก็มีดังนี้
- เชื้อ Coronaviruses
คือ โรคหวัด
- เชื้อ Influenza
คือ โรคไข้หวัดใหญ่
- เชื้อ Measles
คือ โรคหัด
- เชื้อ Varicella
คือ โรคอีสุกอีใส
- เชื้อ Mumps
คือ โรคคางทูม
- เชื้อ Parainfluenza
คือ คอตีบเทียม
เชื้อแบคทีเรีย การติดเชื้อแบคทีเรียจนทำให้เกิดอาการเจ็บคอนั้น
สามารถที่จะพบได้ตั้งแต่วัยเด็กไปจนถึงวัยหนุ่มสาว แต่จะพบน้อยในวัยผู้สูงอายุ
โดยเชื้อแบคทีเรียที่สามารถทำให้ติดเชื้อได้ก็มีดังนี้
- เชื้อ Streptococcus
pyogenes คือ โรคคออักเสบ
- เชื้อ Corynebacterium คือ โรคคอตีบ
- เชื้อ Bordetella คือ โรคไอกรน
2. สาเหตุที่ไม่ใช่การติดเชื้อ
นอกจากการติดเชื้อต่างๆ
อันนำมาซึ่งอาการเจ็บคอแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ
อีกเช่นกันที่ทำให้เกิดอาการเจ็บคอได้ ซึ่งปัจจัยเหล่านั้นได้แก่
- การใช้เสียงมากเกินไป โดยอาจจะเป็นการตะโกนหรือใช้ระยะเวลาในการพูดคุยมากเกินไป
- การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ไม่เพียงแค่การดื่มแอลกอฮอล์แต่เพียงเท่านั้น
หากแต่ยังรวมไปถึงการสูบบุหรี่มากเกินไปอีกด้วย
เพราะการสูบบุหรี่จะทำให้เกิดการระคายคอได้มากยิ่งขึ้น
- กรดไหลย้อน โดยจะเกิดจากกรดที่อยู่ในกระเพาะไหลย้อนกลับขึ้นมาในหลอดอาหาร กรดไหลย้อนที่เกิดขึ้นสามารถที่จะทำให้เกิดอาการแสบร้อนขึ้นที่ลำคอได้นั่นเอง
- อากาศ สามารถที่จะส่งผลต่อการทำให้เกิดอาการเจ็บคอได้
โดยเฉพาะอากาศแห้งเมื่อไม่ได้มีความชุ่มชื้น
เพราะจะทำให้เกิดการเสียดสีในลำคอและทำให้เกิดอาการระคายคอได้
- ผลข้างเคียงจากการใช้ยา ผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิดก็มีสิทธิ์ทำให้เกิดอาการระคายคอจนทำให้เจ็บคอได้เช่นกัน
เช่น ยาลดความดันโลหิต
อาการเจ็บคอเป็นอย่างไร?
ผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บคอ
ลักษณะอาการจะสังเกตได้ดังนี้
- เสียงแหบ
- ต่อมทอนซิลโต
- มีอาการเจ็บคอมากขึ้นในขณะที่กลืนอาหาร หรือดื่มน้ำ
อย่างไรก็ตาม
อาการดังกล่าวถือเป็นอาการพื้นฐานของอาการเจ็บคอทั้งสิ้น และในขณะเดียวกัน
ก็ยังมีอาการอื่นๆ ที่เกิดร่วมกับอาการเจ็บคอ
ซึ่งอาการที่จะเกิดร่วมกับอาการเจ็บคอนั้นยังสามารถเกิดได้จากการติดเชื้อได้อีกด้วย
โดยมีอาการที่สามารถสังเกตได้ดังนี้
- คลื่นไส้
- ปวดศีรษะ
- มีน้ำมูก
- ท้องเสีย
- ตาแดง
ภาวะแทรกซ้อนของอาการเจ็บคอ
อาการเจ็บคอสามารถที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนได้เช่นเดียวกัน
โดยภาวะแทรกซ้อนมักเกิดขึ้นในเด็กและผู้สูงอายุเป็นส่วนใหญ่
ซึ่งร่างกายผู้ป่วยจะมีภาวะขาดอาหารและน้ำ เนื่องจากเมื่อเกิดอาการคอเจ็บขึ้นแล้ว
อาจจะทำให้การกลืนอาหารหรือดื่มน้ำเป็นไปด้วยความยากลำบาก
และเมื่อร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอก็จะทำให้เกิดภาวะขาดน้ำนั่นเอง
การวินิจฉัยอาการเจ็บคอ
สำหรับการวินิจฉัยอาการเจ็บคอก็จะเหมือนกับการวินิจฉัยโรคทั่วไป
โดยใช้วิธีการดังนี้
- การสอบถามประวัติผู้ป่วย
- การตรวจร่างกาย
- การตรวจลำคอ
- การตรวจต่อมน้ำเหลือง
- การตรวจเลือด
- การตรวจสารคัดหลั่ง
- การตรวจปัสสาวะ
- การเอกซเรย์ปอด
วิธีรักษาอาการเจ็บคอ
สำหรับการรักษาอาการเจ็บคอนั้นสามารถที่จะใช้วิธีต่างๆ
ในการรักษาอาการเจ็บคอได้ โดยมีทั้งวิธีรักษาที่แบ่งไปตามการติดเชื้อชนิดต่างๆ
ตลอดจนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อช่วยรักษาอาการเจ็บคอให้ดีขึ้น
โดยแนวทางในการรักษาก็สามารถทำได้ดังนี้
1. การรักษาอาการเจ็บคอจากเชื้อไวรัส
สำหรับอาการเจ็บคอที่เกิดจากเชื้อไวรัสสามารถที่จะหายได้เองภายใน 5-7 วัน นอกจากนี้ แนะนำให้หมั่นกลั้วคอด้วยน้ำเกลือเพื่อให้อาการเจ็บคอทุเลาลง โดยใช้เกลือปริมาณ 1/2 ช้อนผสมลงในน้ำอุ่น 1 ถ้วย จากนั้นนำมาอมกลั้วคอ แต่หากใครไม่ชอบรสเค็ม ก็อาจเติมน้ำผึ้งลงไปเล็กน้อยเพื่อปรับรสชาติให้กลมกล่อมขึ้นได้2. การรักษาอาการเจ็บคอจากเชื้อแบคทีเรีย
หากมีอาการเจ็บคอซึ่งเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียนานเกินกว่า 7 วัน แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะเพื่อลดการติดเชื้อเพิ่มเติม นั่นก็คือ ยา Amoxicillin3. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน
ในช่วงที่ยังมีอาการเจ็บคอ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเลือกรับประทานอาหารถือเป็นเรื่องสำคัญมากที่สุด โดยเฉพาะการเลือกรับประทานอาหารอ่อนๆ หรืออาหารที่ไม่มีรสชาติจัดจ้านมากจนเกินไป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการระคายเคืองบริเวณลำคอมากไปกว่าเดิม4. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอน
หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ร่างกายติดเชื้อจนเกิดอาการเจ็บป่วยได้ก็คือ ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำ ซึ่งการนอนพักผ่อนไม่เพียงพอหรือการนอนดึกบ่อยๆ ก็มีส่วนให้เกิดปัญหาสุขภาพดังกล่าวได้ โดยเฉพาะอาการเจ็บคอที่เกิดจากการติดเชื้อต่างๆ การนอนพักผ่อนจึงถือเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้น จึงควรใส่ใจนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอและหลีกเลี่ยงการนอนดึก ก็จะช่วยให้อาการเจ็บคอดีขึ้นได้เร็ว และยังทำให้สุขภาพร่างกายโดยรวมแข็งแรงขึ้นอีกด้วยวิธีรักษาอาการเจ็บคอรูปแบบอื่นๆ
- ดื่มน้ำเปล่าอุ่นๆ ให้มาก นับเป็นเครื่องดื่มที่หาง่ายและมีประโยชน์อย่างมากทีเดียว
เพราะน้ำเปล่าจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ลำคอ ช่วยลดอาการคอแห้งและระคายเคือง
ที่สำคัญยังสามารถช่วยกำจัดเชื้อและเสมหะได้ง่ายมากขึ้นด้วย
- ดื่มชา เป็นอีกหนึ่งเครื่องดื่มที่จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้เป็นอย่างดี
เพราะน้ำชาส่วนใหญ่ล้วนทำมาจากสมุนไพร ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระ
จึงช่วยในเรื่องระบบภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดี
- กลั้วคอด้วยสูตรน้ำขิง หากมีอาการเจ็บคอมาก
แนะนำให้กลั้วคอด้วยน้ำขิงสูตรนี้เลย วิธีผสมคือ ใช้น้ำขิง 1 ช้อนชา น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา โดยนำมาผสมในน้ำร้อน 1/2
ถ้วย จากนั้นเติมน้ำมะนาวลงไปผสม 1/2 ซีก
นำมากลั้วคอสักครู่
สูตรนี้จะประกอบด้วยตัวยาที่จะช่วยรักษาอาการเจ็บคอได้ดีทีเดียว
เพราะน้ำผึ้งมีคุณสมบัติเปรียบดั่งยาปฏิชีวนะ
ซึ่งจะช่วยกำจัดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียได้
- อมลูกอม อย่างที่เห็นกันในปัจจุบันว่ามีลูกอมแก้เจ็บคอหลากหลายชนิดที่ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ
ซึ่งลูกอมเหล่านี้มักมีส่วนประกอบของยาชาเพื่อช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอให้ดีขึ้น
แต่ไม่ควรใช้ต่อเนื่องหรือใช้มากเกินไป
เพราะอาจส่งผลทำให้บางอาการที่ร้ายแรงไม่อาจแสดงอาการออกมาอย่างชัดเจนได้
- ใช้สเปรย์ฉีดพ่น สเปรย์พ่นคอเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถนำมาใช้พ่นรักษาอาการเจ็บคอได้
โดยจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ลำคอจึงช่วยบรรเทาอาการได้ดีทีเดียว
แต่ควรใช้ในปริมาณที่พอดีหรือควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนใช้
- ทานซุปไก่ เป็นวิธีรักษาที่ใช้กันมาโดยตลอด
เนื่องจากในน้ำซุปจะมีโซเดียมที่มีคุณสมบัติช่วยต่อต้านการอักเสบภายในลำคอได้ดียิ่งขึ้น
และหากกลืนอาหารลำบาก การเลือกทานซุปไก่ร้อนๆ
จะช่วยให้การทานอาหารคล่องขึ้นมากทีเดียว แถมทำให้อุ่นสบายท้องด้วย
วิธีป้องกันอาการเจ็บคอ
เนื่องจากอาการเจ็บคอส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นจากการติดเชื้อ
เพราะฉะนั้น
การลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อย่อมทำให้ห่างไกลจากอาการเจ็บคอได้มากขึ้นแน่นอน
โดยมีข้อควรปฏิบัติดังนี้
- เลือกรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
- ใช้หน้ากากอนามัยในพื้นที่สาธารณะ
- หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ผู้ป่วยที่ติดเชื้อทางเดินหายใจ
- ฉีดวัคซีนให้ครบ
วิธีดูแลตัวเองเมื่อมีอาการเจ็บคอ
สำหรับวิธีดูแลตัวเองเมื่อเกิดอาการเจ็บคอ
คุณสามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้
- พักผ่อนให้เพียงพอ
และอาจจะต้องพักมากกว่าปกติ คือ 11-13 ชั่วโมง
- ล้างมือบ่อยๆ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
- พยายามที่จะดื่มน้ำให้มากๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำเปล่า หรือน้ำผลไม้
- รับประทานวิตามินซีให้เพียงพอ
- หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำจากเนย นม หรืออาหารทอดๆ มันๆ เพราะจะทำให้เกิดเสมหะมากขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการคัน และระคายเคืองคอได้อีกด้วย
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลมาก เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองคอด้วยเช่นเดียวกัน
แม้ว่าอาการเจ็บคอ
จะไม่ใช่โรคอันตรายร้ายแรง แต่เมื่อใดที่เกิดอาการเจ็บคอแล้ว
ย่อมทำให้เกิดความรู้สึกทรมานและเบื่ออาหารได้ ทำให้กินอาหารหรือกลืนอาหารลำบาก
ดังนั้น การรู้เท่าทันโรคและรีบรับมือดูแลรักษาให้หายโดยเร็ว
จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรเพิกเฉยแต่อย่างใด
ขอขอบคุณข้อมูลจาก honestdocs.co
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น